Little Women [2019] สี่ดรุณี - เรื่องเล่าจากหญิงสาวผู้มีความฝัน - KJ's E V E R Y T H I N G

KJ's   E V E R Y T H I N G

A place where I collect the pieces of my memory.

Latest

Home Top Ad

Thursday, January 16, 2020

Little Women [2019] สี่ดรุณี - เรื่องเล่าจากหญิงสาวผู้มีความฝัน

หลายคนคงรู้จักหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิคอย่าง Little Women มากันบ้าง บางคนก็เคยอ่านเป็นหนังสือนอกเวลาในวิชาภาษาอังกฤษเช่นเรา แต่ก็เป็นเล่มบางๆ แบบฉบับรวบรัด บางคนเคยอ่านเวอร์ชั่นไทย หรือบางคนยังไม่เคยอ่าน แต่เชื่อว่า นี่น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งวรรณกรรมสู่ภาพยนตร์ขึ้นแท่นคลาสสิค ที่ควรค่าแก่การรับชมชีวิตของเหล่าหญิงสาวในช่วงเวลาหนึ่ง


เรื่องของ Little Women เล่าง่ายๆ ก็คือ ครอบครัวหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 19 มีลูกสาว 4 คน อยู่กับแม่ ส่วนพ่อไปรบ ก็มีเรื่องราวนู่นนี่นั่น เล่าจนถึงช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน เติบโต แยกย้าย บ้างไปทำงาน บ้างแต่งงาน บ้างไปเรียนต่อ และน้องอีกคนก็ป่วย โดยเล่าเรื่องราวหลักๆ ผ่านตัวละคร โจ พี่คนรองของบ้าน

เนื้อเรื่องอาจจะดูธรรมดามาก แต่เรื่องธรรมดาเหล่านี้คือเรื่องที่ทุกคนเข้าถึง พอติดตามแล้วก็อยากรู้ว่าเขาจะเป็นยังไงต่อไป เหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้องของเรา และคอยลุ้นไปกับช่วงชีวิต และการตัดสินใจของแต่ละหญิงสาว


เราไม่ได้อ่านหนังสือมาแบบเต็มๆ ก่อนดู หรือแม้แต่เวอร์ชั่นก่อนก็ไม่ได้ดูมาก่อน แต่คิดว่าหากเล่าเรื่องตามไทม์ไลน์ ค่อยๆ โต ก็อาจจะน่าเบื่อ หรือเป็นฟีลอีกแบบหนึ่ง ผู้กำกับ Greta Gerwig เลือกเล่าเรื่องแบบสลับไป สลับมา เล่าปัจจุบันแล้วลิ้งค์เชื่อมมายังอดีต ทำให้ช่วงแรกที่หากปูพื้นธรรมดาคงจะน่าเบื่อ ก็ทำให้เราต้องใจจดใจจ่อว่า นี่คือใคร ทำอะไร ความสัมพันธ์อะไร ไม่งั้นก็จะงง พอเริ่มจับทางได้ จำตัวละครได้ เราก็กลายมาเป็นสนใจความเป็นมาของแต่ละช่วง แต่ละซีนจะเหมือนค่อยๆ เปิดเผยผลลัพธ์ เชื่อมไปยังการกระทำในอดีต ทำให้รู้สึกดูเพลิน ไม่มีช่วงเบื่อเลยจริงๆ ไดอะล็อกก็ลื่นไปเรื่อยๆ ดูไม่พูดฟุ่มเฟือย ทำให้รู้สึกไม่เบื่อที่จะฟัง และด้วยความที่เป็นผู้กำกับผู้หญิง เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างมีฟีลที่ทัชผู้หญิงมาก เหมือนฟีลตอนเราดู Lady Bird ซึ่งถือว่าดี กับการที่เอ้อ มันมาเล่าเรื่องราวของผู้หญิง มันต้องเป็นแบบนี้แหละ

ชอบการเล่าเรื่องความฝัน ความรัก หน้าที่ ชีวิตของผู้หญิงยุคนั้นที่มีกรอบสังคมกดทับอยู่เยอะ ดูแล้วแบบ เอ้อ...เข้าใจโจนะ ที่เลือกแต่ละหนทาง เหมือนกรอบหลายๆ อย่างมันคุมไว้อยู่ แล้วเมื่อเวลาผ่านไป กล้าที่ก้าวออกมา มันก็มีหนทางของมันอยู่ไม่ว่าความฝัน หรือความรัก

หากถามว่าชอบซีนไหนที่สุด เรียกว่าเลือกตอบได้ยากมาก เพราะมีซีนที่โดดเด่น และเราประทับใจอยู่หลายฉาก ไม่ว่าจะช่วงโจคุยกับเบธ ที่มู้ดจะออกเศร้าๆ หน่อย หรือซีนกับทุกคนป้าเมอรีล สตรีพ ก็ออกมาปังทุกซีน ไม่ว่าจะตลก จดจำ ไดอะล็อกป้า และตัวป้าชนะเลิศจริงๆ

หรือซีนที่โจอยู่กับลอรี่ ผู้ชายตัวเด่นเกือบคนเดียวของเรื่อง ก็ดูเข้าขากันมาก เคมีพุ่งปรี๊ดๆ ธรรมชาติสุดๆ จนรู้สึกว่า เอ้อ ประทับใจการเล่นของ 2 คนนี้ไปเลย อย่างตอนเถียงกันช่วงท้ายๆ ก็รู้สึกว่า เอ้อ บทมันส่งให้การเถียงเป็นอะไรที่พีคมาก

ฉากโจคุยกับแม่และทั้งคู่ก็เล่นดีมาก ช่วงที่โจโวยวาย สับสนตัวเอง ไม่ต้องการความรัก แต่ก็รู้สึกว่างเปล่า เป็นอะไร โอ้โห จุกมาก เล่นดีมาก อยากลุกยืนปรบมือให้เลย และแน่นอน ซีนที่ 4 พี่น้องอยู่ด้วย รวมถึงมีแม่อีกคน ก็ดูอบอุ่น มีรอยยิ้มขึ้นทุกครั้ง



ต้องยอมรับว่า Saoirse Ronan (อ่านว่า เซียร์-เซ่อ คนอะไร ชื่อจะอ่านยากขนาดนี้) ผู้รับบท โจ เป็นตัวหลักที่แบกทั้งเรื่องไว้ได้ดีมาก และถ่ายทอดความกดดันของการเป็นหญิงสาวที่มีความฝัน ท่ามกลางสังคมที่หญิงต่างไม่สามารถตามฝันของตัวเองได้เท่าไหร่นัก ทั้งซีนกับพี่น้องที่ไม่ว่าช่วงอบอุ่น หรือช่วงดราม่า โจทำได้โดดเด่นจนต้องคอยมองตลอด

คนอื่นๆ ก็ดีมากเช่นกัน อย่าง Florence Pugh ที่รับบท เอมี่ ก็ถือว่าหนักหนาประมาณนึง เป็นตัวละครที่เห็นพัฒนาการชัดมากอีกตัวในเรื่อง ตั้งแต่ช่วงเด็ก จนช่วงไปฝรั่งเศสที่ดราม่ามากมาย จนถึงการต้องกลับมาเผชิญหน้าครอบครัวอีกครั้ง ถือว่าแสดงได้เกินคาดมาก ซึ่งช่วงปีนี้ ฟลอเรนซ์ก็กำลังเป็นดาวรุ่งอยู่เหมือนกัน

ส่วนตัวละครคนอื่นๆ ก็ไม่ได้จมหายไปเลย ทุกคนได้รับการจดจำ แม้จะเป็นตัวละครเล็กๆ อย่างตาของลอรี่ Mr.Lawrence หรือพ่อที่โผล่มานิดๆ หน่อย มีเพียง Emma Watson ที่ไม่รู้ว่าเพราะบทพี่สาวมาเป็นอย่างงี้อยู่แล้ว หรืออะไร แต่บทดูซอฟท์ใส หนักสู้คนอื่นไม่ค่อยได้ เลยรู้สึกว่าออร่า และพลังจากเอมม่าในเรื่องนี้ดร็อปไปหน่อย แม้ช่วงดราม่ากับสามี มันก็ดีแหละ แต่มันสู้คนอื่นไม่ได้จริงๆ ยิ่งเจอตัวแรงๆ เข้าไป แต่ถือว่าทุกคนรับผิดชอบบทของตัวเองได้ดีเยี่ยม


เดี๋ยวจะอวยน้อยไป ก็ต้องเอาให้ครบ ด้วยการอวยคอสตูมที่สวยงามตามท้องเรื่องแล้ว มุมกล้องต่างๆ นานา ฉากแต่ละฉากก็มีความสวยงาม ได้มู้ดหนังพีเรียดอังกฤษสวยๆ เลย จนคิดว่าอยากไปเที่ยวตามรอยเลยทีเดียว


ถ้าใครสนใจก็ไปตามรอยกันได้ที่สหรัฐฯ เพราะส่วนใหญ่สถานที่ที่ไปถ่ายทำเปิดเป็น Public สามารถเข้าชมได้ เช่น

  • A Little Women House ที่เมือง Concord
บ้านที่ใช้เป็นบ้าน Louisa May Alcott ผู้แต่งเรื่องนี้อาศัยอยู่และเขียนเรื่องนี้จริงๆ ชื่อว่า Orchard House เปิดให้เข้าชม โดยในเรื่องใช้ถ่ายพวกฉากด้านนอกเป็นบ้านของโจ แต่ด้านในสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ถ่ายในบ้านจริงๆ แต่จะเหมือนกันไหม ขอให้ลองไปเยี่ยมชม พิสูจน์กันดู


© Sony Pictures
  • Parisian in Boston
พวกฉากฝรั่งเศสหลายๆ ฉาก ถ่ายทำที่ The Arnold Arboretum ใน Harvard University เช่น  สวนในฝรั่งเศส หรืออย่างห้องบอลรูมหรูหรา ถ่ายในบอสตันเช่นเดียวกัน ที่ Fairmont Copley Plaza



  • Crane Beach
ทะเลที่ดูเหงาๆ นิดนึงในหนัง ก็ถ่ายทำที่ชายหาดในเมือง Ipswich ในรัฐ MA

The March sisters had a picnic on Crane Beach © John Nordell/The Christian Science Monitor via Getty Images
หรือโรงละครที่นางเอกไปดูใน New York 'Emerson Colonial Theatre' ก็เก่าแก่ที่สุดใน New York City เปิดตั้งแต่ปี 1900 รวมถึงสถานที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ไปถ่ายกันในรัฐ Massasusettsg เช่นเมือง Lawrence, Stoughton, Ipswich และ Lancaster เป็นต้น ใครสนใจลองเสิร์จหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ใน imdb ก็มีบอกไว้หลายที่ ยิ่งเป็นที่ Public ตามหาได้ไม่ยากเลย

© Sony Pictures
ถือว่า Little Women เป็นหนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่เข้าไปดูให้เพลิน หรือจะเข้าไปดูให้อบอุ่น มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะบ้าง ได้เห็นการเติบโตของ 4 สาวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงถึงจะเข้าใจเรื่องนี้ ผู้ชายก็จะเข้าใจในตัวตนและความฝันของหญิงสาวมากขึ้นแน่ๆ ที่สำคัญคือ ดูแล้วเชื่อว่าออกมา จะต้องอยากหาหนังสือมาอ่านตามๆ กันแน่นอน

แด่เส้นทางความฝันทุกๆ เส้นทาง

No comments:

Post a Comment