6 ประเทศที่ชีวิต Work-Life Balanced ดี๊ดี - KJ's E V E R Y T H I N G

KJ's   E V E R Y T H I N G

A place where I collect the pieces of my memory.

Latest

Home Top Ad

Thursday, December 10, 2020

6 ประเทศที่ชีวิต Work-Life Balanced ดี๊ดี

ช่วงนี้งานรุมเร้ามากจริงๆ แม้นัยหนึ่งมองว่า ก็คือสิ่งที่ดีนะ ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ แต่งานเยอะ เงินก็เข้ามาเยอะ แต่ขณะเดียวกัน ทำชีวิต balance เรามันถึงไม่ค่อยดีเลยนะ แม้ตอนแรกดูเหมือนว่าเราบริหารเวลาไม่ได้ แต่สุดท้าย เอ้อ มันคือระบบประเทศเนี่ยแหละ ที่ทำให้การบริหารเวลาของตัวเองดียังไง ก็ไม่เวิร์คในมวลรวม


เราก็เลยเอ๊ะอ๊ะ เคยได้รู้มาจากหนังสารคดีเรื่อง Where to invade next ของ Michael Moore ว่าอิตาลี หรือสักประเทศเนี่ย มีวันลาให้พนักงานแบบเป็นเดือนๆ หรือบางบริษัทคือทำงาน 1 ปี พัก 3 เดือน ยังสงสัยว่า แล้วงานมันเดินหน้าได้จริงๆ เหรอ แต่ก็เอ้อ ถ้าทั้งประเทศมันเป็นระบบนี้ เช่น คุยงานกันวันทำงาน หมดเวลางานไม่คุยต่อ ลูกค้าก็ไม่ตอบ เราก็ไม่ต้องแก้งานต่อไง ไหนๆ ก็ลองศึกษาดูประเทศอื่นกันหน่อย แล้วก็พบว่า โอ้... มาดูตัวอย่าง 6 ประเทศที่ติด Top ละกัน

มาพูดถึง Top 6 ก็ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นจัดอันดับโดย OECD องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เขามีตัวชี้วัดหลักคือ ชั่วโมงการทำงาน (มาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 50 ชั่วโมง/สัปดาห์) และการทำกิจกรรมนอกเวลางาน ว่าทำแค่ไหน หรือยังต้องกลับไปทำงานอยู่อีก ซึ่งในเว็บเราสามารถเลือกได้ว่าจะดูโดยเกณฑ์ไหน สุขภาพ รายได้ หรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น  >>> อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ OECD Better Life Index


Norway

เป็นประเทศที่ Top ในทุกแขนงจริงๆ ตั้งแต่การศึกษา ยันการทำงานและสภาพแวดล้อม ไม่ใช่แค่ work-life balance ดีเท่านั้น แถมความมั่นคงในอาชีพค่อนข้างดีด้วย เขาบอกว่าถ้าผ่านช่วงทดลองงาน 3 เดือน แทบจะไม่มีการไล่ออกเพราะประสิทธิภาพการทำงานต่ำเลย แถมด้วยรายรับจากการทำงาน เรียกว่า เท่าเทียมมากๆ  CEO หลายบริษัทได้เงินต่างจากพนักงานไม่มาก จนเรียกว่า มีเกณฑ์รายรับของ CEO ต่ำมากๆ ในโลก


และประชากรส่วนใหญ่มีเวลาให้กับครอบครัวและสังคมมาก สามารถไปรับลูกที่โรงเรียน ไปใช้เวลาด้วยกัน แล้วยังสามารถลางานแบบไม่รับเงินได้ถึง 12 สัปดาห์


Netherlands

ประชากรเนเธอแลนด์เกินครึ่ง ทำงานน้อยกว่า 36 ชั่วโมง/สัปดาห์ แถมบางที่ยังทำงานแค่ 4 วัน รวมถึงมีวันลาได้ถึง 20 วัน นอกจากนั้นบางแห่งยังมีเงินเพิ่มเติมสำหรับวันหยุดด้วย มีบทสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่ทำงานในเนเธอแลนด์ บอกว่าเขาเคยได้รับเงินเพิ่มเติมกว่า $4265 เพื่อใช้จ่ายช่วงวันหยุด มากพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบิน ซื้อคอร์สเรียนเซิร์ฟ หรืออื่นๆ ได้อีกเยอะแยะ 


เรียกว่าเป็นประเทศที่ชีวิตการงานดูสบาย และมีเวลาเพียงพอ จนหลายสำนักบอกว่าคือประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก


Denmark

เป็นประเทศที่ชั่วโมงการทำงานต่ำเช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ไม่เกิน 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ แล้วยังเป็นอีกประเทศที่ประชากรมีความสุข และภูมิใจใน work-life balance ของตัวเองมาก เพราะพวกเขามีโมเดลของ balance ที่ดีสุดๆ ที่มีทั้งเรื่องของ childcare และวันลาคลอด ที่ยาวนานมากแถมยังได้รับเงินปกติ หรือสามารถมีลาอื่นๆ เพื่อครอบครัวได้


Italy

อิตาลีมีคำที่ว่า il riposo ที่แปลว่า พัก (rest, relaxation, quietness) ประเทศนี้จึงมีเวลาที่หยุดพัก และพักขนาดสามารถกลับบ้านไปทานข้าวกับครอบครัว ใช้เวลาพักผ่อนสักนิด ก่อนกลับมาทำงานต่อ เรียกว่าเป็นชีวิตทำงานที่ดีต่อชีวิตส่วนตัวสุด


และผู้หญิงยังสามารถลาก่อนคลอดได้ถึง 2 เดือน แล้วหลังคลอดได้อีกเกือบ 6 เดือน อีกทั้งบางเมืองยังมี free childcare program ที่ช่วยเหลือครอบครัวเวลาทำงาน เสร็จงานก็มารับลูกไปใช้เวลาด้วยกันได้ คนอิตาเลียนส่วนใหญ่จึงค่อนข้างมีความสุข และพอใจในชีวิตของตนเอง


Spain

แม้ว่าจะเป็นประเทศที่แย่เป็นอันดับสอง รองลงมาจากกรีซ ในเรื่องงาน อาชีพต่างๆ แต่เป็นประเทศที่คนพอใจในตนเองสูงมาก และคนที่ทำงานส่วนใหญ่ทำงานไม่เกิน 50 ชั่วโมง/สัปดาห์ โดยเฉลี่ยประชากรมีเวลาถึง 16 ชั่วโมง/วัน ในการเที่ยวกับเพื่อนฝูง ออกไปทานอาหาร หรือเรียกว่ามีเวลาเป็นส่วนตัว ทำกิจกรรมต่างๆ ต่อวันเยอะมาก ยิ่งสเปนเองเป็นประเทศที่มีผู้คนเข้าถึงศิลปะได้ดี ทำให้เหมือนพวกเขาใช้เวลากับสังคมเยอะ และมีความสุขกับการใช้เวลาทำงานอย่างเหมาะสม จนทำให้ค่าความพึงพอใจในชีวิตค่อนข้างสูง พอๆ กับประเทศอื่นๆ


France 

ประชากรส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจกับกิจวัตรส่วนตัวถึง 16.4 ชั่วโมง/วัน หมายความว่า พวกเขาทำงานไม่ถึง 8 ชั่วโมง/วัน จากนั้นได้มีเวลาเที่ยวเล่น ทานข้าว หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ของตัวเอง ที่น่าสนใจคือในปี 2017 ได้มีการออกกฎหมาย "right to disconnect" ห้ามรับ-ส่งอีเมล์ หรือไม่จำเป็นต้องทำงานหลัง 5 ทุ่มเป็นต้นไป นอกจากนี้หลายที่ยังมีพักกลางวันยาวนานถึง 2 ชั่วโมงอีกด้วย


มีอีกหลายประเทศที่มีเกณฑ์ความพึงพอใจในการทำงาน และ work-life balance ที่สูงมาก มาจากการมีวันลาที่คุ้มค่า มีเวลาแยกแยะการทำงาน นอกเวลางานไม่จำเป็นต้องตอบอีเมล์ แม้ว่าบางประเทศผลตอบแทนจะไม่ได้สูง อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา มีรายรับที่สูงมาก แต่ work-life balance กลับสู้ประเทศในยุโรปไม่ได้เลย


ข้ามมาที่อีกฟาก เรายังมีประเทศที่ work-life balance ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก เรียกว่าเกินเกณฑ์การทำงานเกิน 50 ชั่วโมง/สัปดาห์ไปเยอะมาก


credit: mydomaine / OECD

No comments:

Post a Comment