รีวิวรัวๆ :: พักเบรก WFH แวะขำกับ 'วาไรตี้' หลากสัญชาติ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น อเมริกา - KJ's E V E R Y T H I N G

KJ's   E V E R Y T H I N G

A place where I collect the pieces of my memory.

Latest

Home Top Ad

Thursday, April 16, 2020

รีวิวรัวๆ :: พักเบรก WFH แวะขำกับ 'วาไรตี้' หลากสัญชาติ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น อเมริกา

เราเป็นคนนึงที่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอทีวีเยอะมากมาแต่เด็ก และแน่นอนนอกจากละครก็จะมีพวกรายการวาไรตี้ที่ดาราไปออก ก็จะชอบนั่งดูมากๆ เพราะอยากรู้ตัวตนนอกบทละคร ซึ่งก็มีทั้งทอร์คโชว์ เกมส์โชว์ ยุคโบราณวัยเราเด็กๆ ก็จะเป็นแบบ สัญญามหาชน ทไวไลท์โชว์ เกมโซน เกมจารชน เวทีทอง เป็นต้น

แต่เมื่อโลกเข้าสู่ยุคใหม่มากขึ้น การดูวาไรตี้ของเราเลยกว้างขวางขึ้นตามมา แล้วก็พบว่าต่างประเทศนั้นมีรายการวาไรตี้ที่สนุก ดี และสร้างสรรค์มากมาย แน่นอนว่าหนึ่งในประเทศที่เรานับถือในอุตสาหกรรมบันเทิงคือ เกาหลี

วาไรตี้โชว์เกาหลีนั้น เรียกว่าเก้าไปสู่อีกขั้นของรายการ คือความสร้างสรรค์สุดขีด ประเทศอื่นๆ แทบจะทำตามไม่ทัน หรือถึงทำ มันก็ไม่ไปถึงอยู่ดี  แต่ไหนๆ มาพูดเรื่องวาไรตี้ ก็เลยขอรีวิวแบบรัวๆ โดยไม่เรียงลำดับความชอบ

Running Man

แน่นอนว่ารันนิ่งแมนคือรายการวาไรตี้แรกของเกาหลีที่น่าจะอยู่ในใจของหลายๆ คน เป็นวัฒนธรรมส่งออกชิ้นหนึ่งของเกาหลีที่ดังไปทั่วโลกจริงๆ และถึงขนาดจัดแฟนมีตติ้งพิธีกรรายการได้ รวมถึงทำให้คนที่ไม่ดัง ดังได้ 

รายการเป็นวาไรตี้เกมส์โชว์ที่จะมีพิธีกรหลัก 8 คน เฮดหลักผู้ริเริ่มรายการคือ ยูแจซอก ซึ่งชื่อนี้การีนตีความดังประมาณหนึ่ง เรียกว่าเป็นพิธีกรแห่งชาติ อยู่รายการไหน ก็ดังจริงๆ ตั้งแต่วาไรตี้ยุคไอดอลแรกๆ อย่าง X-Man พิธีกรหลักมีเข้า-ออก วนเวียนกันออกไปบ้าง ในแต่ละสัปดาห์จะมีแขกรับเชิญที่เป็นดารา พิธีกร นักแสดง นักร้อง ไอดอล มาร่วมบ้าง แล้วมาทำการแข่งขันกัน (หลายคนก็อยากจะมารายการนี้ เพราะดังจริงๆ เวลารายการไปถ่ายตามข้างนอก ไปตลาดคือรู้เลย ทุกคนกรี๊ดแก๊งพิธีกรมากกว่าไอดอลอีก) ตอนนี้มีถึง 488 Episode ตั้งแต่ปีแรกที่อากาศประมาณ 2010
แรกเร่ิมรายการเป็นแนวแบ่งทีม แข่งกันทำภารกิจ ส่วนใหญ่ใช้เวลาถ่ายกลางคืนหลังห้างปิด พิพิธภัณฑ์ปิด รุ่งเช้าใครชนะได้ออกจากสถานที่ ใครแพ้โดนทำโทษ  เอกลักษณ์ของรายการมาจากการวิ่งไล่ แล้วดึงป้ายชื่อที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งมีบางช่วงที่เหมือนเริ่มหมดมุข หรือเปลี่ยนแนวดึงป้ายชื่อหายไปบ้าง ก็เริ่มสนุกบ้างไม่สนุกบ้างเหมือนเริ่มอิ่มตัว เกมคล้ายกันนิดๆ แต่ก็ยังดูเพลิน สุดท้ายความเอกลักษณ์การดึงป้ายชื่อก็ยังกลับมาอยู่เหมือนเดิม

เสน่ห์อีกอย่างของรายการนี้คือโฮสต์ พิธีกรประจำที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้แฟนคลับทุกคนรักพวกเขาได้ การทอร์คที่สนุกสนาน จนบางช่วงคือ ไม่สนใจเกมหรอก เน้นทอร์คดีกว่า ตลกดี มันทำให้เกิดความผูกพันกับรายการมาก จนเมื่อพิธีกรหลักบางคนอย่าง แกรี่ ต้องถอนตัวออกไป ก็ถึงแฟนๆ รายการเศร้าไปตามๆ กัน
ต้องยอมรับว่าโปรดิวเซอร์รายการนี้ฉลาดจริงๆ ด้วยตีมที่เล่นได้หลากหลาย เราจะเห็นการเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำไปเรื่อยๆ สนามกีฬา ห้าง เกาะต่างๆ ตจว. แหล่งท่องเที่ยว หรือแม้แต่สวนสาธารณะธรรมดา แต่การถ่ายทำรันนิ่งแมน ก็ทำให้ที่นั่นโด่งดัง และมีคนไปตามรอยรายการได้ นอกจากนั้น เกมพื้นบ้านเกาหลีหลายเกม เมื่อก่อนใครจะรู้จัก กลับทำให้คนทั่วโลกรู้จักได้ อย่างแข่งตั๊กจี คือเอากระดาษมาตบๆ ให้พลิก และทำให้ไรอัน เรย์โนลด์มาแข่งได้ ... คิดดูว่าน่าตื่นเต้นขนาดไหน กับการส่งออกวัฒนธรรมได้ขนาดนี้


Family Outing

อีกหนึ่งรายการของยูแจซอก ที่อายุรายการอาจจะไม่ยาวนาน แต่ความครีเอทคอนเซปท์รายการคือดีมาก กับรายการที่จะพาพิธีกรหลัก ยูแจซอก และสมัยนั้นมีแดซอง ที่กำลังดัง ลีฮโยริ ที่ดังมากในช่วงนั้น และอีกหลายๆ คนที่ก็มาดังจากการเป็นพิธีกรรายการนี้ และจะมีแขกรับเชิญ ดาราไปตจว. 2 วัน 1 คืน แล้วไปนอนบ้านชาวบ้าน ทำภารกิจต่างๆ ที่เจ้าของบ้านให้ไว้
หลักๆ ก็จะทำกิจกรรมเกี่ยวกับท้องถิ่น เช่น ดำน้ำตกหมึก ไปหาอาหาร จากนั้นก็มาเก็บในสวนใกล้บ้านเพื่อทำอาหารกัน กินๆ ทอร์คๆ รุ่งเช้ามีแข่งเกมเพื่อหาคนล้างจานบ้าง หาคนทำอาหารเช้าบ้าง เป็นต้น

ซึ่งกิจกรรมพวกนี้เราจะเห็นเสน่ห์ของดารามากมาย นอกจากความสนุกในการทอร์ค เราเห็นดารามาทำอาหาร เล่นเกมตลกๆ แล้วนอนบ้านชาวบ้านก็เป็นฟูกที่นอนธรรมดาๆ เห็นดาราหน้าสด หรือความธรรมชาติบางอย่างที่เราไม่ได้เห็นในละคร ซึ่งทำให้คนดูชอบ และติดตามได้ไม่ยากเลย
คิดดูว่าไทยเราเคยเอามาทำในชื่อ 'ฉันไปค้างคืนกับซุปตาร์' ซึ่งตอนแรกๆ เหมือนจะเวิร์ค แต่ด้วยคอนเทนท์ที่มันไปไม่สุด ความเอนเตอร์เทนมันเลยไม่มาเหมือนเกาหลี มีแบบเอาแฟนคลับไปเที่ยว แล้วสัมภาษณ์พูดคุย นอนโรงแรมบ้าง หรือเงื่อนไขพิธีกร ดาราไม่ทราบได้ เราไม่ค่อยได้ความธรรมชาติน่าเอ็นดูจากรายการนี้เท่าไหร่ รายการนี้อยู่ไม่นาน ก็เลยหายไปโดยปริยาย

นอกจาก 2 รายการบน ยูแจซอกยังมีรายการน่าสนใจอย่าง X-Man ที่เอาไอดอลมาแข่งเกมกัน หรือ Happy Together ที่ไปนั่งสัมภาษณ์ดาราในซาวน่า แต่เรายังไม่ประทับใจมาก รวมถึง Busted ที่เป็นรายการกึ่งๆ Running Man มาในตีมสืบสวน สร้างเป็นเรื่องราวจริงจัง ดูเป็นละครหน่อย โปรดิวซ์โดย Netflix มีคาแรคเตอร์นักสืบ แต่เวลาไขคดีก็คือเป็นบุคลิกตัวเองนั่นแหละช่วยกัน ก็มีความสนุก มีพิธีกรหลักที่คาแรคเตอร์น่ารักอย่าง ปาร์คมินยอง ที่เราชอบในความฉลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใครสนใจลองไปหาดูได้ใน Netflix


The Return of Superman

เป็นรายการที่ตอนแรกเรางงๆ ว่ามันจะน่าสนใจตรงไหน กับการให้พ่อมาเลี้ยงลูกเล็ก แทนแม่ ประมาณ 2 วัน 1 คืน ต่อการถ่ายทำ จนกระทั่งเราได้ดูครอบครัวแฝดสาม แทฮัน มินกุก มันเซ ลูกชายวัยเกือบ 3 ขวบของนักแสดง ซงอิลกุก
แต่การที่ได้ดูพัฒนาของเด็ก วิธีการเลี้ยงลูกของอิลกุก มันทำให้เราหลงรักครอบครัวนี้ และรายการนี้ไปเลย จนตามดูเด็กๆ คนอื่น เช่น ฮารุ ลูกสาวของ Tablo (Epik High), ซาราง ลูกสาว นักมวยชูซังฮุน

หากใครคิดจะลองดูแล้วหลงรัก เราขอแนะนำให้ดูคัทของแฝดสามเป็นจุดเริ่มต้น เพราะน่ารักจริงๆ เป็นเด็กที่ร้องไห้แทบจะนับครั้งได้ และด้วยคาแรคเตอร์ที่ไม่เหมือนกันของ 3 คน มันทำให้น่าเอ็นดูไปหมด เหมือนเพื่อนข้างบ้านนั่งดูเด็กเติบโต ตั้งแต่วันที่เด็กๆ ยังไม่รู้เรื่อง จนเดินเองได้ คุยรู้เรื่อง เรียกว่าไม่หลงรักไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
แม้แฝดสามออกจากรายการไปแล้ว เราจะห่างหายจากรายการนี้ไป แต่ล่าสุด เรากลับมาดูรายการนี้อีกครั้งเพราะลูกของแกรี่ ฮาโอ เด็กวัยเกือบ 3 ขวบที่ฉลาดมาก ฉลาดจนแบบต้องยอมรับ ไม่รู้ว่ารายการจะสคริปท์ หรืออะไรก็ตาม แต่เวลาเห็นเด็กคุยรู้เรื่อง ท่องอังกฤษได้ ไปร้านเครื่องดนตรีแล้วเล่นได้ มันน่ารักและฉลาดจริงๆ


All the Butlers

รายการกับ 4 พิธีกรหลัก (ปัจจุบันคือ 5 แต่กำลังจะออกไป 2 คน ไม่รู้ใครจะมาแทน) ที่จะมาใช้ชีวิตตามเจ้านาย ก็คือแขกรับเชิญ 1 วัน โดยเจ้านายก็จะมีอาชีพต่างๆ กันไป เรียกว่าเหมือนได้ไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา 

ความสนุกคือการได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากรายการนี้ และเคมีที่เข้ากันของสมาชิกรายการทั้ง 4 คนทำให้รายการสนุกสนาน ติดตามได้เรื่อยๆ 


I Live Alone

อีกหนึ่งรายการที่เราดูได้เรื่อยๆ โดยจะไปถ่ายทำการใช้ชีวิตของดารานักแสดง ไอดอล ใช้ชีวิตคนเดียวในบ้าน ทำอะไรบ้าง และพิธีกรหลัก เหมือนมานั่งดูและพูดคุยไปพร้อมๆ กัน 

บางตอนก็จะเป็นเหล่าสมาชิกรายการไปเที่ยวกันบ้าง ก็ทอร์คกันสนุกน่ารักดี 

แล้วยังมีวาไรตี้อีกหลายการ ที่โชว์ความครีเอทของเหล่า PD เกาหลี เช่น Coffee Friends เอาดาราเปิดร้านกาแฟ, It's Dangerous Beyond Blankets / Roomates / Traveller / Law of Jungle / 2 Days 1 Night  วาไรตี้ตระกูลที่เอาดารามาใช้ชีวิตร่วมกัน ไปเที่ยวกัน, We Got Married เอาดารามาแต่งงาน จับคู่ให้ใช้ชีวิตร่วมกัน, Produce 101 ก็เป็นอีกหนึ่งวาไรตี้ ที่เอาเด็กฝึกมาแข่งขัน หาผู้ชนะไปเดบิวท์ ซึ่งก็ดัง ประสบความสำเร็จมากๆ, I Can See Your Voice, The King of Masked Singer รายการที่เอาคนดังมาใส่หน้ากาก ร้องเพลงแข่งกัน ซึ่งดัง และสร้างสรรค์มาก จนบ้านเราซื้อลิขสิทธิมาทำ, Weekly Idol รายการที่เอาไอดอลมาแนะนำ สัมภาษณ์ ให้คนได้รู้จักมากขึ้น พิธีกรตลก หลายๆ วงเราก็รู้จักจากรายการนี้ มีช่วงแนะนำรายคน ทำให้ค่อยๆ จำได้ง่าย และพาร์ทโด่งดังคือ Random Dance บางทีก็ Speed Dance ฯลฯ และรายการเรียลลิตี้ของเหล่าไอดอลอีกมากมาย ที่ดูได้เพลินตลอดวันหยุด บางวงคือไม่รู้จัก แต่ลองดูแล้วตลก จนชอบ ไปวงนั้นๆ เลยก็มีอยู่หลายวง

เรียกได้ว่าต้องยอมรับเหล่า PD เกาหลีจริงๆ ที่คิดรายการเหล่านี้ออกมาได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วหลักของรายการมันไม่ได้ยากเลย แต่คอนเซปท์ที่เอาครอบ และทำให้มันเป็นจริงได้ มันสนุกมากจริงๆ


ข้ามมาฝั่งจีนสักหน่อย ใช่ว่าจีนจะมีแต่รายการทอร์คโชว์น่าเบื่อ แม้เราไม่ค่อยชินมุขตลกฝั่งจีนเท่าไหร่ แต่มีรายการนึงที่เราตามบ่อยๆ ก็คือ Happy Camp

Happy Camp

เป็นวาไรตี้เกมโชว์ ถ่ายในสตูดิโอ มีพิธีกรหลายคน หลักๆ คือ เหอจ่ง ซึ่งถือว่าเป็นพิธีกรระดับชาติของจีน ยอดฟอลโล่ Weibo คือเยอะมากๆ แล้วก็มีผู้ชมในสตู มานั่งดู นั่งขำๆ ตอนถ่ายทำ

หลักๆ ก็มีแขกรับเชิญเป็นทีมมาเล่นเกม สัมภาษณ์ ส่วนใหญ่เราก็จะตามแขกรับเชิญที่รู้จัก ที่ชอบอยู่แล้วมาโปรโมทละครที่จะฉายช่วงนั้น หรืออย่าง Exo หรือวงไอดอลไปโปรโมทที่จีน ก็ต้องพากันมาออกรายการนี้ ซึ่งเกมก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฟีลไอดอลที่มา ตลกบ้าง 
ชอบที่บางเกมก็ดูครีเอท และแปลกใหม่สำหรับเราดี เช่น บางทีก็ให้ไอดอลมาพูดบทละครเรื่องดังๆ เล่นเป็นพระเอก คนดูก็กรี๊ดๆ ไป ความเริ่ดคือบทพูดบางอันเอามาละครเก่ามาก อย่าง It Start with a Kiss ไรงี้ คลาสสิคไปเลย พอละครเรารู้จักก็เลยมีความอินกรี๊ดๆ ตาม หรืออย่างให้ทั้งทีม สมมติมี 9 คนปีนขึ้นไปชั้นบนประมาณ 3 เมตรมั้งให้ได้ โดยไม่มีบันได หรือเชือกดึง ก็คือต้องช่วยกันยก ดันกันขึ้นไป คนสุดท้ายที่จะขึ้นได้ ข้างบนก็ต้องคอยช่วย ก็คือเอ้อ แข่งไปเท่ห์ๆ อ่ะ  

ถ้าหากบอกว่าฝั่งจีนมีมุขแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยเก็ทแล้ว วาไรตี้ฝั่งญี่ปุ่นคือยิ่งกว่า ด้วยธรรมชาติของคนญี่ปุ่น ก็จะมีหลายอย่างที่เราไม่เก็ท 555 แต่ด้วยความชอบในตัวไอดอลแหละ มีรายการที่เราดูได้ และโหลดมาเกือบทุกตอน ก็คือ

VS ARASHI

รายการของ 5 หนุ่ม Arashi ที่จะมีแขกรับเชิญมาเป็นทีม แล้วมาแข่งเกม VS กับ Arashi แต่เกมของอาราชิค่อนข้างเป็นแพทเทิร์นหน่อย คือมีประมาณ 10 เกม (ไม่แน่ใจนะ แต่ก็หลายเกมอยู่) ก็จะวนๆ ไป เล่นสัปดาห์ละประมาณ 3 เกม แต่เกมของอาราชิจะเป็นเกมเน้นอุปกรณ์สร้างสรรค์
ความชอบของเราคือ คิดได้ยังไงในการทำเกมนี้ออกมา แล้วทำอุปกรณ์มายิ่งใหญ่มาก เช่น เตะบอล ให้กระป๋องล้ม แต่คือกระป๋องจะมาตามสายพานเลื่อนใหญ่ๆ, รับบอลที่ไหลลงมาตามช่อง โดยผู้แข่งจะอยู่บนรางเลื่อน ต้องวิ่งๆ สู้รางเลื่อน แล้วมองไม่เห็นบอล เพื่อนร่วมทีมก็คือต้องคอยบอก, 
เกมแข่งหยอดบอลให้ลงช่องคะแนน ซึ่งได้ตัวโยกบอลไปมา ก็คือยิ่งใหญ่ อลังการ, เกมวางเหรียญให้สูง บนเทิร์นหมุน ใครล้มก่อนแพ้, 
และที่ชอบที่สุดคือ เกมเขาวงกต บิงโก เวอร์ชั่นต้องมุดแนวราบแล้วยังต้องปีนช่องขึ้นไปที่สูง เพื่อไปเปิดประตูด้านบน เปิดประตูทำเป็นบิงโกให้ได้ คือใช้พลังงานเยอะมาก ดูแล้วสนุกมาก อยากเล่นเองเลย
จริงๆ แล้วญี่ปุ่นก็มีรายการครีเอทหลายอัน และถูกนำมาฉายที่ไทยเยอะพอสมควรในสมัยก่อนเกาหลีจะเข้ามาตีตลาด เช่น รายการ เจมส์กับปังคุง ลิงกับหมา, เกมที่ให้ใส่ชุดดำมาทำโชว์แปลกๆ แล้วมีให้คะแนน (จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ทุกคนน่าจะเคยผ่านตา), TV Champion ที่แข่งความสุดยอด อัจฉริยะในด้านต่างๆ ซึ่งคนที่มาแข่งก็เก่งจริงๆ กิจกรรมบางอันก็คือดูเพลิน ดูสนุก


ข้ามมาฝั่งตะวันตกอย่างอเมริกากันบ้าง จริงๆ อเมริกาก็มีความสร้างสรรค์รายการค่อนข้างเยอะ เพียงแต่รายการส่วนใหญ่ของอเมริกาจะมีความจริงจัง ไม่ค่อยแข่งเกมวาไรตี้กันมากเท่าไหร่ ซึ่งอย่างเมื่อก่อนดังๆ ก็มีพวก Amazing Race แข่งเรียลลิตี้ ที่ดูลงทุนตะลอนไปทั่ว, Survivor, The Bachelor , รายการสัมภาษณ์ดังอย่าง Oprah หรือ Ellen ที่เรียกว่าทำให้พวกเขากลายเป็นพิธีกรแนวหน้า, รายการแกล้งคนก็เคยฮิตมากในอเมริกา อย่างวัยรุ่นฮิตๆ ก็จะมี Punk'd, Total Blackout พาคนไปห้องมืด แล้วให้จับนู่นนี่ หรือทำภารกิจต่างๆ, รายการประกวดร้องเพลงต่างๆ ต่างก็มีต้นตำรับมาจากที่นี่ อย่าง American Idol / The Voice แต่ที่เราชอบๆ และประทับใจเลยก็คือ

The Late Late Show with James Corden

เป็นรายการที่ม้ามืดมาก และครีเอทมากจนทำให้ James Corden ดังมากๆ ด้วยธรรมชาติของเขาด้วยแหละ ทำให้แต่ละข่วงมันสนุก
อย่างช่วง Carpool Karaoke ไปรับศิลปินมาขึ้นรถ เปิดเพลงร้องในรถ แล้วก็สัมภาษณ์ มันดูเป็นอะไรที่ไม่ยาก แต่ทำออกมาแล้วสนุกมาก หลายคนตลก แบบ Celine Dion / Justin / Lady Gaga / Miley Cyrus / Sia หรือแม้แต่ BTS ไอดอลเกาหลีก็ยังต้องไปขึ้นรถ ขนาดคิดว่าจะมีความเจื่อนทางภาษาไหม แต่เจมส์ทำให้มันเพลินและตลกได้ หรือตอนนึงเป็นสัมภาษณ์ทีมนักแสดง Avengers พาขึ้นรถทัวร์บัสใหญ่ๆ วิ่งวน แล้วมีการจอดแวะร้านขายหนังสือการ์ตูน ก็คือเป็นอะไรที่ตลกมาก บ้างก็เอาแขกรับเชิญมาเซอร์ไพร้ส์ หลอกแขกรับเชิญอีกที


หรือช่วง Crosswalk the Musical พานักแสดงไปเล่นละครเวที ร้องเพลงตรงทางม้าลาย ช่วงรถติดไฟแดง พอไฟเขียว คือต้องรีบเก็บของหลบรถ 
หรือช่วง Drop the Mic แข่งแร็พ แข่งร้องเพลงกับเกส ก็สนุก ดูเพลินดี ได้เห็นอีกมุมของศิลปิน ซึ่งแนวๆ แข่งร้องเพลงกับศิลปินมีช่วง Wheel of Musical ของรายการ The Tonight Show starring Jimmy Fallon ที่แข่ง โดยการสุ่มเพลง กับดนตรีหรือเนื้อเพลงขึ้นมา เช่น เสียงบริทนีย์+เนื้อเพลง Mary has a little lamb เป็นต้น หรือบางทีก็เป็นแข่งทายว่าเพลงอะไรของใคร แต่เล่นดนตรีเป็นอีกแบบจนนึกเพลงไม่ออกเลยก็มี


So You Think You Can Dance

รายการแข่งเต้นที่เราชอบที่สุดในบรรดารายการตระกูลนี้ มันมีสนุกที่ได้ดูโชว์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละสัปดาห์ แล้วโชว์คือครีเอทมากๆ บางทีเพลงช้า เต้นออกแนว Contemporary Dance จะดูน่าเบื่อ แต่เรากลับไม่เบื่อเลย กลายเป็นตื่นเต้น คือนักเต้นเก่งๆ ก็จะสื่ออารมณ์ได้เก่งจริงๆ

กรรมการก็คอมเมนท์ได้สนุก วิจารณ์แต่ไม่อวยเกินเหตุ คือดูแล้วไม่เกลียดกรรมการเลย เรียกว่าดูได้เพลินๆ ยาวๆ ไม่รู้ตัว

Project Runway

ต่อให้คุณไม่ใช่สายแฟชั่น แต่บอกเลยว่าดูรายการนี้ได้สนุกมาก อย่าง American next top model แข่งแนวแฟชั่นก็จริง ก็มีความสนุก แต่เราไม่อินเท่ารายการนี้เท่าไหร่ เราชอบที่ต้องมาแข่งทำเสื้อผ้า แล้วพรีเซนท์เสื้อผ้า กว่าจะได้ชุด ชอบเวลาเห็นพวกเขาวิ่งเข้าร้านผ้าใหญ่ๆ ใน New York อย่าง 'Mood' คือร้านใหญ่มาก จนอยากไปเที่ยวที่นั่นเลย บางตอนก็พาไปตั้งแคมป์ แล้วให้ทำชุดจากของที่อยู่ในแคมป์ เช่นเชือก ผ้าใบ เป็นต้น

The Celebrity Apprentice

รายการเรียลลิตี้ที่เอาเซเลปมาแข่งขันทำธุรกิจ ค้นหานักบริหาร โดยผู้เข้าแข่งขันก็จะมีสายการต่างๆ ในบริษัท เช่น การตลาด งานขาย งานโฆษณา มีการวัดผลเป็นรูปธรรม ทีมไหนแพ้ก็มีสิทธิ์โดนคัดคนในทีมออก เป็นรายการเรียลลิตี้ที่ดูเพลิน และค่อนข้างมีสาระ มีประโยชน์ในด้านธุรกิจอยู่ประมาณนึง

หยุดยาวนี้ ใครเครียดๆ จากการทำงานที่บ้าน สามารถลองหาดูกันได้ทั้งใน Viu, Netflix หรือ Youtube มีลงพวกวาไรตี้ต่างประเทศไว้เยอะอยู่ ดูสนุกได้ยาวๆ ไปเลย

No comments:

Post a Comment